รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) แจ้งว่า จากอิทธิพลพายุโนรุ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.-ปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์บนโครงข่ายทางหลวง จำนวน 45 จังหวัด 123 สายทาง 278 แห่ง แบ่งเป็นภาคกลาง 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กำแพงเพชร ชัยนาท นครสวรรค์ นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลพบุรี สมุทรปราการ สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย และอ่างทอง จำนวน 48 สายทาง 125 แห่ง
ภาคตะวันตก 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และ เพชรบุรี จำนวน 2 สายทาง 2 แห่ง ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ปราจีนบุรี และ ระยอง 5 สายทาง 5 แห่ง ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ สงขลา และสตูล 2 สายทาง 2 แห่ง ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา พิจิตร แพร่ ลำปาง ลำพูน และ อุตรดิตถ์ 14 สายทาง 29 แห่ง
และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) 14 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองบัวลำภู และ อุบลราชธานี 52 สายทาง 115 แห่ง
เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย หรือบางเส้นทางยุติแล้ว เบื้องต้นสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งซ่อมแซมเส้นทางที่เกิดอุทกภัย หลังจากน้ำลดทันที เพื่อให้สัญจรผ่านได้ และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3-5 วัน เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย และบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในการสัญจร ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม หลังจากนั้นต้องจัดทีมซ่อมบำรุงลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย เพื่อประเมินความเสียหายในการฟื้นฟูทางหลวงต่อไป
เบื้องต้น ทล. จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อฟื้นฟูสายทางที่เกิดจากอุทกภัยครั้งที่ 1 คาดว่าจะใช้วงเงินประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในปัจจุบันหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งหลังจากน้ำลดแล้วจะเข้าดำเนินการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยสายทางที่ตรวจพบความเสียหายมาก จะใช้รูปแบบการฟื้นฟูด้วย การก่อสร้างสะพาน หรือปรับปรุงช่องระบายน้ำให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการสำรวจและออกแบบและก่อสร้าง ประมาณ 6-8 เดือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ยุติทั้งหมด และไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มแล้ว ทล. จะสรุปแผนฟื้นฟูน้ำท่วมให้ชัดเจนเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอของบกลางปี 66 มาดำเนินการฟื้นฟูให้แล้วเสร็จต่อไป เพื่อจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวงเดินทางให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น ตลอดจนช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวด้วย