กรณีนายเอกชัย สุนทรากุลรักษา อายุ 72 ปี พร้อมด้วยนายพงษ์พินิจ สุนทรากุลรักษา อายุ 41 ปี ลูกชายคนโต เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในตู้เซฟ ได้ทรัพย์สินมูลค่า 12 ล้านบาท สงสัยน้องชายคนเล็กว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดวันที่ 16 มิ.ย.65 เมื่อเวลา 18.30 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สภ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าตำรวจมีการเชิญทางด้านผู้เสียหาย และลูกชายคนโตมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเชิญลูกชายคนเล็กมาสอบปากคำด้วย
โดยลูกชายคนเล็กให้การภาคเสธ ยอมรับว่าเอาทรัพย์สินไปจริง แต่อ้างเอาไปดูเเล ขณะเดียวกันตำรวจยังให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนภายในครอบครัว เเต่การเจรจาไม่เป็นผล เพราะทางพ่อซึ่งเป็นผู้เสียหาย ต้องการดำเนินคดี เนื่องจากได้ทรัพย์สินกลับคืนมาไม่ครบ
นายเอกชัย สุนทรากุลรักษา อายุ 72 ปี ผู้เสียหาย ขณะนี้ป่วยเป็นโรคชรา เส้นเลือดในสมองตีบ บอกว่าส่วนตัวรู้สึกเสียใจ โกรธที่ลูกชายคนเล็กทำเเบบนี้ เพราะที่ผ่านมาตนเองเลี้ยงดูมาอย่างดี ทรัพย์สมบัติก็เเบ่งให้เท่ากับพี่ชาย เเต่ยังมาขโมยทรัพย์สินไปอีก
นอกจากนี้ เคยทำร้ายร่างกายตน 3 ครั้ง วันนี้ลูกชายคนเล็กได้ขอโทษตน ตนก็บอกว่าให้ไปนำทรัพย์สินมาคืน แต่ก็ได้กลับมาเพียงเล็กน้อย หากถามว่าจะให้อภัยลูกหรือไม่ รอให้ได้ทรัพย์สินครบก่อนจึงจะให้อภัย ตอนนี้ขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับลูกชายคนโตของผู้เสียหายคือ นายพงษ์พินิจ เปิดเผยว่า บ้านหลังเกิดเหตุมีคุณพ่อคือ นายเอกชัย สุนทรากุลรักษา อายุ 72 ปี อาศัยอยู่เพียงลำพัง ส่วนตนเองและน้องชายอาศัยอยู่กรุงเทพฯ จะแวะเวียนมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา พ่อลื่นล้มเข้าโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 1 เดือน ก่อนที่ตนจะพาพ่อกลับไปรักษาตัวอยู่ที่คอนโด ที่กรุงเทพฯอีก 1 เดือน เมื่อคุณพ่อเริ่มมีอาการดีขึ้นจึงขอให้พามาบ้านเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. พอกลับมาถึงพบว่ากุญแจบ้านถูกเปลี่ยน กุญแจตู้เซฟก็หายไป เมื่อใช้ช่างมาเปิดตู้เซฟ
ทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ประกอบด้วย ปืน 12 กระบอก, ทองรูปพรรณ 200 บาท, นาฬิกาโรเล็กซ์ 9 เรือน, นาฬิกาโอเมก้า 3 เรือน, โฉนดที่ดินเเละพินัยกรรม รวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายไป 12 ล้านบาท จึงเข้าเเจ้งความกับตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ทางตำรวจก็สืบทราบว่าระหว่างที่พ่อไปรักษาตัว มีเพียงน้องชายคนเล็กที่เข้าออกบ้านหลังดังกล่าว
จนกระทั่งมาทราบภายหลัง คุณพ่อหลุดปากบอกว่าสาเหตุที่พ่อเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากถูกน้องชายคนเล็กทำร้ายร่างกาย ตนเองก็ยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตำรวจได้เชิญตัวน้องชายมาสอบปากคำเเละไกล่เกลี่ยกันกับคุณพ่อ ทางน้องชายให้การภาคเสธ ยอมรับว่านำทรัพย์สินทั้งหมดไปจริง เเต่เอาไปดูเเลให้ ไม่ได้ขโมย เมื่อขอให้ให้นำทรัพย์สินมาคืน ก็นำมาเพียงบางส่วน
ความคืบหน้าทางคดี ตำรวจได้เเจ้งข้อหาเเก่ลูกชายคนเล็กคือ นายพงษ์พิพัฒน์ สุนทรากุลรักษา ในข้อหาลักทรัพย์เพียงข้อหาเดียวก่อน ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานหลายเดือน โดยช่วงเวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาเข้าห้องคุมขังแล้ว